สามารถดำเนินการคำสั่งที่ราคาอื่นได้หรือไม่?
สิ่งแรกที่ควรทำความเข้าใจคือ การดำเนินการใดๆ ต้องใช้เวลาในการดำเนินการ เมื่อลูกค้าส่งคำสั่งเพื่อเปิดธุรกรรม (เช่น กดปุ่มบนแพลตฟอร์ม) เซิร์ฟเวอร์จะใช้เวลาระยะหนึ่งในการเข้าถึงคำขอนี้ (เช่น 50-100 มิลลิวินาที) ขึ้นอยู่กับตำแหน่งที่ตั้งและเซิร์ฟเวอร์ที่ใกล้ที่สุด หลังจากนั้นคำสั่งจะถูกนำไปเข้าคิวสำหรับการดำเนินการ ซึ่งจะต้องใช้เวลาเช่นกัน แม้ว่าเราจะพยายามอย่างต่อเนื่อง ในการเพิ่มประสิทธิภาพกระบวนการนี้ และลดระยะเวลาตั้งแต่ที่มีการส่งคำสั่งไปจนถึงเวลาที่ดำเนินการ แต่ก็ยังไม่สามารถลดระยะเวลานี้ลงให้เหลือศูนย์ได้
นอกจากนี้ ราคาที่ลูกค้าเห็นในแพลตฟอร์ม จะต้องส่งจากเซิร์ฟเวอร์ไปยังแพลตฟอร์มด้วยเช่นกัน ดังนั้น เมื่อคำสั่งส่งไปถึงแพลตฟอร์ม ราคาก็ถือว่าเก่าเกินไปแล้ว อย่างน้อยก็ ณ เวลาที่ส่งไปยังแพลตฟอร์ม นี่คือเหตุผลว่า ทำไมมันจึงเป็นเรื่องปกติทั้งทางเทคนิคและทางกายภาพ ที่ราคาของคำขออาจแตกต่างจากราคาจริงบนเซิร์ฟเวอร์ และราคาที่ดำเนินการ
นอกจากนี้ ลูกค้าควรคำนึงถึงความคลาดเคลื่อนของราคา ไม่ว่าจะขึ้นหรือลง ซึ่งสามารถมีโอกาสเกิดได้แบบ 50/50 ของทั้งสองกรณี
ยิ่งไปกว่านั้น ลูกค้าควรสังเกตว่า ยิ่งความผันผวนของราคาต่ำลงมากเท่าใด ราคาก็จะมีการอัปเดตน้อยครั้งลงเท่านั้น หากมีการกระโดดของราคาน้อยลง ความคลาดเคลื่อนของราคาจะเกิดน้อยลง อย่างไรก็ตาม เมื่อความผันผวนอยู่ในระดับสูงสุด เราจะไม่สามารถหลีกเลี่ยงความคลาดเคลื่อนของราคาได้
ความคลาดเคลื่อนของราคา (Slippage) คือการดำเนินการตามคำสั่งของลูกค้า ในราคาที่แตกต่างจากระดับราคาที่ลูกค้าระบุไว้
ความคลาดเคลื่อนของราคา จะมีความเชื่อมโยงกับคำว่าช่องว่างอย่างแยกกันไม่ออก ซึ่งเป็นการเปลี่ยนแปลงของราคา ที่ส่งผลให้ราคาแตกต่างจากราคาก่อนหน้านี้หลายปิ๊ป นอกจากนี้ ความคลาดเคลื่อนของราคามักเกิดขึ้นในช่วงเวลาต่อไปนี้:
● เมื่อสิ้นวันของวันเทรด เนื่องจากสภาพคล่องในเวลาดังกล่าวต่ำมาก จากการที่ผู้ดูแลสภาพคล่องจำนวนมากหยุดการซื้อขายในช่วงเวลานี้
● เมื่อประเทศใดมีวันหยุด เนื่องจากมีสภาพคล่องน้อยลง จากการที่มีผู้เข้าร่วมในตลาดน้อยลง
● ในระหว่างการเผยแพร่รายงานและข่าวสารที่สำคัญ นอกจากนี้ ยิ่งข่าวมีอิทธิพลต่อตราสารตัวหนึ่งๆ มากเท่าใด สเปรดของตราสารตัวนั้น ก็จะยิ่งกว้างมากยิ่งขึ้นเท่านั้น
นี่คือเหตุผลว่า ทำไมถึงเป็นเรื่องสำคัญมาก ที่จะต้องพิจารณาถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในตลาด ซึ่งลูกค้าสามารถดูเหตุการณ์เหล่านี้ได้ จากในปฏิทินตลาด ข่าวสารหรือเหตุการณ์ใดๆ สามารถทำให้สเปรดกว้างขึ้นได้อย่างมาก ซึ่งอาจทำให้การเทรดของคุณเปิดหรือปิดในราคาที่ต่างจากราคาบนกราฟอย่างมากได้
กล่าวอีกนัยหนึ่งคือ ในช่วงเวลาที่มีความผันผวนสูงหรือมีสภาพคล่องต่ำ สถานการณ์บางอย่างอาจเกิดขึ้น ซึ่งทำให้แพลตฟอร์มได้รับโควตที่แตกต่างกันอย่างมาก สิ่งนี้นำไปสู่การดำเนินการคำสั่งในราคาที่แตกต่างจากที่ตั้งไว้ในคำสั่ง
เมื่อราคาถึงระดับที่ตั้งไว้ คำสั่งจะถูกทำเครื่องหมายว่าดำเนินการได้ และจะถูกดำเนินการที่ราคาแรกที่มีอยู่ หลังจากคำสั่งทำงาน
ลองยกตัวอย่างด้วยการตั้งการตัดขาดทุน
สมมติว่า คุณเปิดการเทรดฝั่งซื้อที่ 1.04000 สำหรับ EUR/USD และตั้งการตัดขาดทุนไว้ที่ 1.03900 ทุกวันศุกร์แรกของเดือน จะมีการเผยแพร่รายงาน ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคการเกษตร (NFP) รายงานนี้เกี่ยวข้องกับตัวชี้วัดเศรษฐกิจมหภาคของสหรัฐอเมริกาหลายตัว และแสดงให้เห็นว่า มีการสร้างงานใหม่กี่งานในทุกภาคส่วนของเศรษฐกิจ ยกเว้นภาคการเกษตร สมมติว่า ราคาเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วจาก 1.0399 เป็น 1.03800 เมื่อรายงานนี้ถูกเผยแพร่ เนื่องจากมีช่องว่างเกิดขึ้น กล่าวคือ ราคาถัดไปหลังจาก 1.0399 คือ 1.03800 การเทรดของคุณจะปิดเมื่อถึงจุดตัดขาดทุน ที่ราคาแรกที่มีอยู่หลังจากช่องว่าง ซึ่งก็คือ 1.03800
ความเป็นไปได้ของการเกิดความคลาดเคลื่อนของราคาในช่องว่าง ไม่สามารถถูกตัดออกได้ เนื่องจากความคลาดเคลื่อนของราคานี้ ไม่ใช่ความผิดพลาดทางเทคนิค แต่เป็นสิ่งที่สอดคล้องกับความเป็นจริงของตลาด
นอกจากนี้ เราควรสังเกตว่า คำสั่งเทรดในตลาดถูกดำเนินการโดยใช้เทคโนโลยี การดำเนินการด้วยราคาตลาด นี่คือระบบสำหรับการซื้อหรือขาย ที่ขึ้นอยู่กับปริมาณของคำสั่ง โดยจะเพิ่มปริมาณที่ได้รับจากผู้ให้บริการสภาพคล่องโดยอัตโนมัติ และคำนวณราคาดำเนินการของปริมาณนี้ ซึ่งจะถูกส่งกลับไปยังแพลตฟอร์มเทรดของลูกค้า เนื่องจากปริมาณที่มีอยู่ในขณะที่คำสั่งถูกดำเนินการมีจำกัด ราคานี้อาจแตกต่างจากราคาที่คุณเห็นเมื่อคุณเปิดโพซิชั่นจากแพลตฟอร์ม ดังนั้น จึงมีความสัมพันธ์โดยตรง ระหว่างปริมาณธุรกรรมกับราคาและความเร็วในการดำเนินการ
การลดปริมาณการเทรด สามารถเพิ่มโอกาสในการดำเนินการที่แม่นยำได้ ถึงแม้ว่าจะไม่สามารถรับประกันได้ก็ตาม โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในช่วงที่มีความผันผวนสูง และมีสภาพคล่องต่ำ ซึ่งเป็นเรื่องปกติของช่วงเวลาที่มีการเผยแพร่รายงาน โปรดทราบว่า คำขอจากเทรดเดอร์รายอื่น จะได้รับการจัดการพร้อมกันกับคำขอของคุณ ซึ่งจะส่งผลโดยตรงต่อราคาที่ดำเนินการของการเทรดแต่ละรายการ
สิ่งแรกที่ควรทำความเข้าใจคือ การดำเนินการใดๆ ต้องใช้เวลาในการดำเนินการ เมื่อลูกค้าส่งคำสั่งเพื่อเปิดธุรกรรม (เช่น กดปุ่มบนแพลตฟอร์ม) เซิร์ฟเวอร์จะใช้เวลาระยะหนึ่งในการเข้าถึงคำขอนี้ (เช่น 50-100 มิลลิวินาที) ขึ้นอยู่กับตำแหน่งที่ตั้งและเซิร์ฟเวอร์ที่ใกล้ที่สุด หลังจากนั้นคำสั่งจะถูกนำไปเข้าคิวสำหรับการดำเนินการ ซึ่งจะต้องใช้เวลาเช่นกัน แม้ว่าเราจะพยายามอย่างต่อเนื่อง ในการเพิ่มประสิทธิภาพกระบวนการนี้ และลดระยะเวลาตั้งแต่ที่มีการส่งคำสั่งไปจนถึงเวลาที่ดำเนินการ แต่ก็ยังไม่สามารถลดระยะเวลานี้ลงให้เหลือศูนย์ได้
นอกจากนี้ ราคาที่ลูกค้าเห็นในแพลตฟอร์ม จะต้องส่งจากเซิร์ฟเวอร์ไปยังแพลตฟอร์มด้วยเช่นกัน ดังนั้น เมื่อคำสั่งส่งไปถึงแพลตฟอร์ม ราคาก็ถือว่าเก่าเกินไปแล้ว อย่างน้อยก็ ณ เวลาที่ส่งไปยังแพลตฟอร์ม นี่คือเหตุผลว่า ทำไมมันจึงเป็นเรื่องปกติทั้งทางเทคนิคและทางกายภาพ ที่ราคาของคำขออาจแตกต่างจากราคาจริงบนเซิร์ฟเวอร์ และราคาที่ดำเนินการ
นอกจากนี้ ลูกค้าควรคำนึงถึงความคลาดเคลื่อนของราคา ไม่ว่าจะขึ้นหรือลง ซึ่งสามารถมีโอกาสเกิดได้แบบ 50/50 ของทั้งสองกรณี
ยิ่งไปกว่านั้น ลูกค้าควรสังเกตว่า ยิ่งความผันผวนของราคาต่ำลงมากเท่าใด ราคาก็จะมีการอัปเดตน้อยครั้งลงเท่านั้น หากมีการกระโดดของราคาน้อยลง ความคลาดเคลื่อนของราคาจะเกิดน้อยลง อย่างไรก็ตาม เมื่อความผันผวนอยู่ในระดับสูงสุด เราจะไม่สามารถหลีกเลี่ยงความคลาดเคลื่อนของราคาได้
ความคลาดเคลื่อนของราคา (Slippage) คือการดำเนินการตามคำสั่งของลูกค้า ในราคาที่แตกต่างจากระดับราคาที่ลูกค้าระบุไว้
ความคลาดเคลื่อนของราคา จะมีความเชื่อมโยงกับคำว่าช่องว่างอย่างแยกกันไม่ออก ซึ่งเป็นการเปลี่ยนแปลงของราคา ที่ส่งผลให้ราคาแตกต่างจากราคาก่อนหน้านี้หลายปิ๊ป นอกจากนี้ ความคลาดเคลื่อนของราคามักเกิดขึ้นในช่วงเวลาต่อไปนี้:
● เมื่อสิ้นวันของวันเทรด เนื่องจากสภาพคล่องในเวลาดังกล่าวต่ำมาก จากการที่ผู้ดูแลสภาพคล่องจำนวนมากหยุดการซื้อขายในช่วงเวลานี้
● เมื่อประเทศใดมีวันหยุด เนื่องจากมีสภาพคล่องน้อยลง จากการที่มีผู้เข้าร่วมในตลาดน้อยลง
● ในระหว่างการเผยแพร่รายงานและข่าวสารที่สำคัญ นอกจากนี้ ยิ่งข่าวมีอิทธิพลต่อตราสารตัวหนึ่งๆ มากเท่าใด สเปรดของตราสารตัวนั้น ก็จะยิ่งกว้างมากยิ่งขึ้นเท่านั้น
นี่คือเหตุผลว่า ทำไมถึงเป็นเรื่องสำคัญมาก ที่จะต้องพิจารณาถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในตลาด ซึ่งลูกค้าสามารถดูเหตุการณ์เหล่านี้ได้ จากในปฏิทินตลาด ข่าวสารหรือเหตุการณ์ใดๆ สามารถทำให้สเปรดกว้างขึ้นได้อย่างมาก ซึ่งอาจทำให้การเทรดของคุณเปิดหรือปิดในราคาที่ต่างจากราคาบนกราฟอย่างมากได้
กล่าวอีกนัยหนึ่งคือ ในช่วงเวลาที่มีความผันผวนสูงหรือมีสภาพคล่องต่ำ สถานการณ์บางอย่างอาจเกิดขึ้น ซึ่งทำให้แพลตฟอร์มได้รับโควตที่แตกต่างกันอย่างมาก สิ่งนี้นำไปสู่การดำเนินการคำสั่งในราคาที่แตกต่างจากที่ตั้งไว้ในคำสั่ง
เมื่อราคาถึงระดับที่ตั้งไว้ คำสั่งจะถูกทำเครื่องหมายว่าดำเนินการได้ และจะถูกดำเนินการที่ราคาแรกที่มีอยู่ หลังจากคำสั่งทำงาน
ลองยกตัวอย่างด้วยการตั้งการตัดขาดทุน
สมมติว่า คุณเปิดการเทรดฝั่งซื้อที่ 1.04000 สำหรับ EUR/USD และตั้งการตัดขาดทุนไว้ที่ 1.03900 ทุกวันศุกร์แรกของเดือน จะมีการเผยแพร่รายงาน ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคการเกษตร (NFP) รายงานนี้เกี่ยวข้องกับตัวชี้วัดเศรษฐกิจมหภาคของสหรัฐอเมริกาหลายตัว และแสดงให้เห็นว่า มีการสร้างงานใหม่กี่งานในทุกภาคส่วนของเศรษฐกิจ ยกเว้นภาคการเกษตร สมมติว่า ราคาเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วจาก 1.0399 เป็น 1.03800 เมื่อรายงานนี้ถูกเผยแพร่ เนื่องจากมีช่องว่างเกิดขึ้น กล่าวคือ ราคาถัดไปหลังจาก 1.0399 คือ 1.03800 การเทรดของคุณจะปิดเมื่อถึงจุดตัดขาดทุน ที่ราคาแรกที่มีอยู่หลังจากช่องว่าง ซึ่งก็คือ 1.03800
ความเป็นไปได้ของการเกิดความคลาดเคลื่อนของราคาในช่องว่าง ไม่สามารถถูกตัดออกได้ เนื่องจากความคลาดเคลื่อนของราคานี้ ไม่ใช่ความผิดพลาดทางเทคนิค แต่เป็นสิ่งที่สอดคล้องกับความเป็นจริงของตลาด
นอกจากนี้ เราควรสังเกตว่า คำสั่งเทรดในตลาดถูกดำเนินการโดยใช้เทคโนโลยี การดำเนินการด้วยราคาตลาด นี่คือระบบสำหรับการซื้อหรือขาย ที่ขึ้นอยู่กับปริมาณของคำสั่ง โดยจะเพิ่มปริมาณที่ได้รับจากผู้ให้บริการสภาพคล่องโดยอัตโนมัติ และคำนวณราคาดำเนินการของปริมาณนี้ ซึ่งจะถูกส่งกลับไปยังแพลตฟอร์มเทรดของลูกค้า เนื่องจากปริมาณที่มีอยู่ในขณะที่คำสั่งถูกดำเนินการมีจำกัด ราคานี้อาจแตกต่างจากราคาที่คุณเห็นเมื่อคุณเปิดโพซิชั่นจากแพลตฟอร์ม ดังนั้น จึงมีความสัมพันธ์โดยตรง ระหว่างปริมาณธุรกรรมกับราคาและความเร็วในการดำเนินการ
การลดปริมาณการเทรด สามารถเพิ่มโอกาสในการดำเนินการที่แม่นยำได้ ถึงแม้ว่าจะไม่สามารถรับประกันได้ก็ตาม โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในช่วงที่มีความผันผวนสูง และมีสภาพคล่องต่ำ ซึ่งเป็นเรื่องปกติของช่วงเวลาที่มีการเผยแพร่รายงาน โปรดทราบว่า คำขอจากเทรดเดอร์รายอื่น จะได้รับการจัดการพร้อมกันกับคำขอของคุณ ซึ่งจะส่งผลโดยตรงต่อราคาที่ดำเนินการของการเทรดแต่ละรายการ